ความเดิมตอนที่แล้ว: ในบทนี้ Artem และ Dalmir ได้นั่ง "Cannonball" จากโลกเก่าด้วยกัน และเดินทางไปสู่ห้วงอวกาศด้วยความกล้าหาญโดยไม่คิดที่จะหวนกลับ
...
แรงกระแทกของปืนใหญ่ภูเขาไฟ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการออกแบบยานอวกาศเลย
ชั่วพริบตาที่ "Cannonball" ถูกยิงออกไปนั้น มันก็พุ่งไปด้วยความเร็วที่ชวนตะลึง จนทำให้ทุกคนบนฐานปล่อยตัวถึงกับต้องปาดเหงื่อ... แบบนี้จะไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่มั้ย? ซึ่งภายใน "Cannonball" ตอนนี้ก็ไม่ได้สุขสบาย: ราวกับว่า Artem และ Dalmir เหมือนอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงหลายสิบเท่า และกำลังจะถูกบดขยี้ลงในไม่ช้า
ในชั่วพริบตานั้น Artem ก็ได้หมดสติไป แม้แต่ความรู้สึกยังเหมือนกับตอนอยู่ในทุ่งหิมะ แต่สภาวะเช่นนี้ก็ไม่ได้คงอยู่นาน... เขาฟื้นขึ้นมาด้วยความแน่วแน่และจิตวิญญาณอันน่าทึ่งของตน หลังจากผ่านประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายในชั่วขณะได้แล้ว Artem ก็รับรู้ถึงประโยชน์ของเครื่องลดแรงสั่นสะเทือนภายในเครื่องบินทันที: หากไม่มีมัน เขาก็คงจะไม่รอดแน่ๆ
และทางฝั่ง Dalmir นั้น ก็ไม่ได้สบายเท่าไหร่นัก เขาเหลือกตาอ้าปาก และมีฟองสีขาวไหลออกมาจากมุมปากด้วย Dalmir แค่สลบหรือทนไม่ไหวกันแน่เนี่ย? Artem ร้องเรียกผ่านเครื่องมือสื่อสารอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
ในช่องหน้าต่างของ "Cannonball" ไม่เพียงแต่มองเห็นท้องฟ้าได้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยังมองเห็นพื้นดินที่อยู่ห่างไกลได้ด้วยเช่นกัน
ภาพอันน่าตื่นตาปรากฏต่อหน้า Artem อย่างรวดเร็วราวกับม้วนภาพวาด ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกำลังเล็กลงเรื่อยๆ และกลายเป็นภาพแปลกตา ตัวเลขที่แผงหน้าปัดกำลังเปลี่ยนแปลงและเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด นี่เป็นสัญญาณว่ามันจะไม่มีทางหยุดลง
แม้ว่าสัญญาณแต่ละอย่างจะบ่งบอกความจริงข้อนี้ แต่ Artem ก็ยังรู้สึกตัวช้า... ตอนนี้พวกเขากำลังออกจากพื้นผิวของดวงดาวด้วยความเร็วสูงมาก
...ระยะห่างจากพื้นดิน
Artem มองเห็นสิ่งก่อสร้างที่อาณาจักรลาวา โดยเฉพาะปืนใหญ่ภูเขาไฟหลักที่ใช้ยิง "Cannonball" นั่น
การปล่อยตัวทำให้ภูเขาไฟหลักถล่มลงมาจนเกิดม่านควันลอยคลุ้ง ในระดับความสูงเช่นนี้ หนอนลาวายักษ์ก็ตัวเล็กลงจนมองแทบไม่เห็นแล้ว ลาวาบนเชิงเขาก็เป็นดั่งลวดลายของใยแมงมุม สีแสบสันของมันก็ดูอ่อนลงมากเช่นกัน
อากาศที่มีเถ้าภูเขาไฟปนอยู่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ภาพบนพื้นดินก็ค่อยๆ เลือนรางลงแล้ว
...ระยะห่างจากพื้นดิน
Artem มองเห็น Spring Weald
บนความสูงที่
เมื่อเส้นทางแต่ละแห่งปรากฏขึ้น สายตาของ Artem ก็มองเห็นภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ นครน้ำแข็งกำลังเคลื่อนผ่านอยู่ในเมฆหมอกหิมะอย่างรวดเร็ว... มันทำให้เขามองไม่เห็นโครงสร้างของเมืองเลย
Anna เคยพูดไว้ว่า: ทุกครั้งหลังจากการผจญภัยอันยาวนานสิ้นสุดลง เธอมักจะออกไปจับปลากับพ่อเพื่อเป็นการพักผ่อน แต่เมื่อการเดินทางอันยาวนานครั้งนี้จบสิ้น เธอจะไปพักผ่อนอย่างไรกันนะ...
ชั้นเมฆบางๆ เริ่มเข้ามาบดบังสายตา ความรู้สึกอยากหนีออกไปกลับมาอีกแล้ว... "Cannonball" บินมานานแค่ไหนแล้วนะ...
...พวกเขายังคงพุ่งสูงต่อไป และเข้าสู่ความมืดมิด
Belobog ปรากฏเลือนรางอยู่บนพื้นดินมืดสนิท
แม้ว่าดวงไฟนับพันดวงจะมีขนาดเท่ากับเหรียญ แต่ Artem ก็รู้ดีว่าที่นั่นจะต้องเป็น Belobog แน่ๆ สภาพภูมิอากาศอบอุ่นนั่นไม่เข้ากันกับความหนาวเหน็บรอบๆ เอาเสียเลย ยิ่งมองไปบนชั้นเมฆก็ยิ่งเห็นได้ชัด... มันเป็นความอบอุ่นที่คอยพยุง Belobog มานับร้อยปี แต่ความอบอุ่นนี้เองที่ทำให้คนของที่นี่ไม่ยอมออกไปไหน
Belobog มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับดาวดวงนี้ มันเล็กพอๆ กับถั่วเมล็ดหนึ่งในจานเลยทีเดียว Artem เคยคิดว่า Belobog และหิมะรอบๆ คือโลกทั้งใบ... พอนึกย้อนไป มันก็แค่การไม่ยอมรับความใจแคบของตัวเองเท่านั้น
ความสูงในระดับเท่านี้ ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดีว่าความใจแคบเช่นนี้เป็นเรื่องน่าขำ
...ระยะห่างจากพื้นดิน
Artem เห็นเขตเส้นโค้งของดาวดวงนี้อย่างชัดเจน
แสงเหนือขนาดใหญ่เริ่มปรากฏขึ้น ริ้วอันงดงามค่อยๆ ปกคลุมพื้นผิวของดวงดาว ในตอนนั้น Artem เคยยืนอยู่บนพื้นดินของ Belobog และเงยหน้ามองม่านฝันเหล่านั้นปลิวไสวอยู่บนท้องฟ้า แต่ตอนนี้ แสงพวกนั้นกลับอยู่ที่ด้านล่างเขา
ตอนนี้เอง เครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น...
"...Ar...Artem! พวกเรา! อ้ากกกกก! อยู่บนท้องฟ้าแล้ว อ้ากกๆๆ... แค่กๆ...แค่ก..."
นี่เป็นเสียงร้องของ Dalmir
Artem ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
...
...ระยะห่างจากพื้นดิน
ที่นั่นเป็นพื้นที่ทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่หมุนอย่างช้าๆ Artem เคยได้ยินนิยายวิทยาศาสตร์ประเภทนี้มาบ้างว่า เราสามารถจำลองแรงโน้มถ่วงได้จากแรงเหวี่ยงของการหมุน... และเมื่อทฤษฎีเหนือจินตนาการกลายเป็นจริงต่อหน้า ความตื่นเต้นที่เกินจะบรรยายก็ปะทุออกมา
ไม่รู้ว่าผู้คนในโลกเก่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็น "Cannonball"...พวกเขาจะตกใจไหม? หรือว่าแปลกใจ? แล้วจะถูกตอบโต้ในฐานะผู้รุกรานหรือเปล่า?
Artem ได้ยินเสียงเพลงแผ่วเบาใน "Cannonball" มันเป็นเสียงกลองและกีตาร์ที่ทั้งอบอุ่นและผ่อนคลาย ราวกับของขวัญก่อนสิ้นสุดการเดินทาง:
"วิทยุอวกาศห่างไกลกำลังเรียก"
"วิทยุอวกาศห่างไกลกำลังเรียก"
...
เมื่อ "Cannonball" เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ รายละเอียดภายใน "Satelleden" ก็ยิ่งชัดเจน
หากรูปทรงกระบอกถูกแผ่ออก "Satelleden" ก็คงจะเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ และสามารถเชื่อมปลายสุดของพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสเข้าด้วยกัน จนเป็นรูปทรงกระบอกอีกครั้งได้ และไม่ว่าจะยืนอยู่มุมไหนบนนั้น หากเงยหน้าขึ้นมอง ก็จะเห็นถนนที่กลับหัวกลับหางได้
บนถนนนั้น สิ่งปลูกสร้างที่ต้านกฎฟิสิกส์มากมายตั้งเรียงรายอยู่ เครื่องจักรขนาดใหญ่ประกอบชิ้นส่วนสิ่งปลูกสร้างอย่างอิสระราวกับต่อบล็อก ถนนที่จัดวางไว้อย่างเรียบร้อยถูกจัดตำแหน่งใหม่อย่างต่อเนื่อง Artem คิดว่า "เมือง" ทั้งเมืองราวกับมีลมหายใจและชีพจร เหมือนกับลูกรูบิกที่หมุนวนไม่หยุดและวิวัฒนาการอยู่ตลอด... มันเผยตรรกะหลักการขั้นสูงออกมา คล้ายกับงานศิลปะที่ถูกทิ้งร้าง ทว่าไร้ฝุ่นเกาะ... "Satelleden" ล่องลอยอย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้ และเฝ้ารอคอยการชื่นชมจากมนุษย์
เหมือนกับรับรู้ถึงการมาถึงของ "Cannonball" เจ้ายักษ์ใหญ่ยื่นมือขนาดใหญ่พอๆ กันออกมา ราวกับยักษ์ตัวใหญ่ที่เอื้อมมือไปคว้าแมลงที่กำลังบินไปมา หัวใจของ Artem บีบรัดแน่นเพราะกลัวว่า การเดินทางของตนจะพังลงด้วยการปะทะกัน
ทว่าการลงจอดที่ล้มเหลวก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่จินตนาการไว้ มือขนาดใหญ่จับ "Cannonball" ไว้อย่างอ่อนโยนด้วยแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย แล้วนำทางไปยังบริเวณลานจอดใน Satelleden
เสียงดนตรีแผ่วเบายังคงบรรเลงต่อไปในอุปกรณ์สื่อสาร...
...
"ฉันเหยียบบันไดดวงดารา"
"พลางเดินชมอยู่ท่ามกลางระเบียงอวกาศ"
"กาแล็กซีในค่ำคืนนี้ ลิขิตให้ไม่อาจหลับใหล"
...