ความเดิมตอนที่แล้ว: Artem ตาม Anna ไปพบกับ 'น้ำฝน' และเครือข่ายอุโมงค์น้ำแข็ง ซึ่งเป็นวิทยาการอันน่าทึ่งของที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก ระหว่างที่เยี่ยมชมอยู่นั้น Anna ได้ส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการจากราชินีให้กับ Artem เขาถูกเชิญให้ไปพบในฐานะอาคันตุกะจากต่างแดน และที่นี่ เขาจะได้พบกับ Dalmir แห่งอาณาจักรลาวา...
Artem ไปยัง Crystal Palace แห่งนครน้ำแข็งตามคำเชิญ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องมีคนนำทางด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าใครที่อยู่บนถนน ต่างก็สามารถมองเห็นโดมใหญ่ยักษ์หลังนั้นได้ทั้งสิ้น และเมื่อมีป้ายนำทางเช่นนี้ ยังไงก็ไม่หลงทางแน่นอน
ทหารต้อนรับนำทาง Artem เดินผ่านโถงใหญ่ และเข้าสู่ทางเดินแห่งประวัติศาสตร์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของ Crystal Palace แสงสลัวของอาทิตย์ตกดินวาดลวดลายอันงดงามอยู่บนผนังของโถงทางเดิน
ขณะ Artem ก้าวเดินไปข้างหน้า ภาพสลักนูนสูงของอัศวินและผู้ปกครองในยุคโบราณก็เคลื่อนไหวตามไปด้วย ทั้งอาวุธที่พุ่งไปหาสัตว์ประหลาดชั่วร้ายช้าๆ และผ้าคลุมที่โบกสะบัดไปตามทิศทางลม แต่เมื่อ Artem หยุดเดิน ภาพสลักบนผนังก็จะหยุดนิ่งไปด้วยเช่นกัน
ถึงอย่างไร Artem ก็มาจากพิพิธภัณฑ์ และงานที่ทำเป็นประจำก็คือการสำรวจประวัติศาสตร์จากอดีตผ่านวัตถุที่เงียบงันไร้เสียง เขาจึงคุ้นเคยกับเทคนิคที่ช่างฝีมือในอดีตใช้กันดี จึงมักจะเพิกเฉยต่อการประดับประดาเชิงสัญลักษณ์ และมุ่งความสนใจไปที่ประวัติศาสตร์มากกว่า เขาเดินช้าลง และเริ่มมองดูรายละเอียดในนั้น:
เทพปรากฏตัวขึ้นกลางท้องฟ้าที่แตกเป็นเสี่ยงๆ โลหิตสีทองไหลหลั่งออกมาจากร่างกาย เขามองลงมายังโลกมนุษย์ด้วยสายตาอันเยือกเย็น...
เหล่านักรบแห่งนครน้ำแข็งที่เผชิญหน้ากับกองทัพสัตว์ร้าย จะสวมหมวกเหล็กและชุดเกราะที่ Artem ไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะที่ในมือถืออาวุธร้ายกาจทรงพลัง...
Cloudship พาหนะขนาดใหญ่มหึมาราวกับภูเขา กำลังโบยบินอยู่บนฟ้าราวกับนกนางนวลหิมะ เหนือกองทัพทรงอานุภาพดุจคลื่นน้ำ คือหญิงสาวสวมมงกุฎเพชร ผู้กวัดแกว่งหอก ชี้ตรงไปที่เทพผู้ไร้ปรานีบนท้องฟ้า...
Artem เกือบจะถูกพลังที่แฝงอยู่ในภาพสลักนี้บดขยี้ในชั่วพริบตาเสียแล้ว เขาถอนหายใจยาว และพบว่าทหารที่นำทางอยู่ด้านหน้า กำลังมองมาที่เขาซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงความหลงใหลด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ เขาส่งสายตาขอโทษขอโพยให้กับทหาร แล้วรีบเร่งฝีเท้าตามไป
หลังจากมาถึงโถงรับแขก ทหารผู้ทำหน้าที่ต้อนรับก็บอกให้เขารอการเรียกพบจากองค์ราชินี และสามารถเคลื่อนไหวอยู่ในบริเวณนี้ได้อย่างอิสระ
เขาเพิ่งนั่งลงได้ไม่นาน แขกต่างแดนที่สวมชุดซอมซ่อคนหนึ่งก็เข้ามานั่งข้างๆ Artem ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร คนคนนี้ก็เริ่มแนะนำตัวแล้ว
"สวัสดี ฉันชื่อ Dalmir มาจากอาณาจักรลาวาอันไกลโพ้น ไม่ทราบว่า..."
"ฉันชื่อ Artem มาจาก Belobog... อีกอย่าง ฉันก็ไม่ใช่แขกต่างแดนหรอก เป็นแค่นักผจญภัยผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น"
"Belobog? ไม่เคยได้ยินเลยแฮะ แต่การได้พบเพื่อนร่วมอาชีพนั้น ก็เป็นเรื่องดีจริงๆ!"
"เพื่อนร่วมอาชีพ? เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดคิดจริงๆ ดูจากการแต่งตัวของคุณแล้ว คิดว่าคงจะผ่านการผจญภัยอันโลดโผนมานับไม่ถ้วนเลยล่ะสิ?"
"จะบอกว่าโลดโผน มันก็ไม่ผิดซะทีเดียว ฉันนั่งปืนใหญ่มาที่นี่น่ะ เปิดโลกสุดๆ ไปเลย... แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเกล็ดหิมะเชียวนะ..."
"คุณว่าไงนะ? ปืนใหญ่? นั่งปืนใหญ่...มาถึงที่นี่?"
"ใช่ๆ บรรจุคนในเข้าไปกระสุนแล้วใส่เข้าไปในกระบอกปืน จากนั้นก็ปล่อยบึ้มออกไป ฟิ้ว...! เข้าใจรึยัง?" ชายที่ชื่อ Dalmir วาดมือเป็นเส้นโค้งกลางอากาศอย่างตื่นเต้น
"ไม่เข้าใจ ยิงคนออกไปแบบลูกกระสุน แล้วจะยังรอดชีวิตได้เหรอ?"
"มาแล้วๆ ช่วงเวลาที่ฉันชอบที่สุดมาแล้ว ดูสีหน้าเหลือเชื่อของนายสิ เดี๋ยวฉันจะค่อยๆ เล่าเรื่องบ้านเกิดให้ฟังนะ ฮ่าๆ หลังจากมาที่นี่ ฉันก็คุ้นเคยกับการเล่าเรื่องแบบนี้เร็วทีเดียวล่ะ" Dalmir เท้าสะเอวแล้วหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
"ฉันมาจากอาณาจักรลาวา ที่นั่นไม่มีเกล็ดหิมะเลย อุณหภูมิก็แตกต่างจากเมืองน้ำแข็งมาก เรามีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นและมีพลังงานมหาศาลหลายแห่ง ภูเขาไฟ รู้จักใช่มั้ย? ตรงข้ามกับภูเขาหิมะน่ะ เป็นภูเขาที่มีควันลอยออกมา และที่ปากปล่องก็ยังพ่นไฟได้เป็นครั้งคราวด้วย"
Artem นึกภาพภูเขาที่ร้อนระอุจนพ่นไฟได้ไม่ออกเลยสักนิด เขาทำได้เพียงพยักหน้าอย่างงงๆ จากนั้นก็พยักหน้าต่อไปอีก
"...จากนั้น เราจึงอาศัยพลังงานของภูเขาไฟสร้างปืนใหญ่ขึ้นมา แล้วใช้ปืนใหญ่นี้ยิงนักผจญภัยอย่างฉันออกไป เพื่อส่งไปสำรวจดินแดนอันห่างไกลที่อื่นๆ แต่ตอนที่ลอยอยู่กลางอากาศ จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า...ขากลับต้องเดินเท้านี่นา ที่แท้พวกนักผจญภัยคนก่อนๆ ก็เดินกลับมากันนี่เอง ฮ่าๆๆๆๆ!"
Dalmir นั้นเป็นมิตรและช่างพูด คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างคนไฟแรง ทำให้ Artem สนิทสนมด้วยได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างที่พูดคุยกันนั้น ก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขาได้รู้ว่าภูเขาไฟคืออะไร เปลือกโลกคืออะไร และปืนใหญ่ภูเขาไฟคืออะไร...
แม้ว่านักผจญภัยของอาณาจักรลาวาจะกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ แต่พวกเขาก็จะอาศัยเข็มทิศที่จะชี้ไปยังอาณาจักรลาวา เพื่อหาทางกลับบ้านได้เสมอ อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับก็ไม่ได้ปลอดภัยไปกว่าการบินด้วยปืนใหญ่สักเท่าไหร่ นักผจญภัยที่สามารถกลับบ้านได้สำเร็จมีจำนวนแทบจะนับนิ้วได้ และผู้ที่ทำสำเร็จเหล่านั้น ก็มักจะพาเพื่อนต่างแดนที่ไว้ใจได้กลับไปยังอาณาจักรลาวาด้วยกัน และเพื่อนต่างแดนเหล่านั้นก็มาพร้อมกับความรู้ วิทยาการ และข้อมูลต่างๆ ที่พวกเขาไม่อาจได้รับจากที่ไหน
"Artem ฉันอยากให้นายช่วยหน่อย โปรดกลับไปที่อาณาจักรลาวากับฉันเถอะนะ ต้องรีบกลับไปก่อนงานภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จะเริ่มขึ้นให้ได้!"
"งานภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์...?"
"ใช่ เวลานั้นพวกเราจะใช้ปืนใหญ่ภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดบินออกจากดาวดวงนี้ แล้วเดินทางสู่ 'Satelleden' ของโลกเก่า!"
(โปรดติดตามตอนต่อไป)