Archivum Honkai: Star Rail

เศษหน้ากระดาษจากสมุดบันทึกของบาริสต้า

"วันจันทร์ ที่ 20 มี.ค."
บอกตามตรง คนอย่างฉันคือนักเขียนนิยายที่ใสซื่อที่สุดแล้ว ฉันนึกอะไรออกก็เขียนไปตามนั้น และเขียนทุกสิ่งที่ฉันเห็นและได้รับลงไปในนิยาย ฉันไม่ได้วิ่งโร่ไปทั่วเพื่อดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเอง และถ้าไม่เป็นเพราะว่าฉันเห็นแก่ญาติละก็ ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาช่วยที่ร้านกาแฟเท่าไหร่หรอกนะ

"วันอังคาร ที่ 21 มี.ค."
ลูกค้าที่มาวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคู่รัก ซึ่งหนึ่งในนั้นดูท่าทางแปลกๆ ผู้ชายคนนั้นเอาแต่พูดกับผู้หญิงเรื่อง "ประวัติการสร้างธุรกิจด้วยมือเปล่า" เขาพล่ามอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะรำคาญเลย ฉันยืนฟังที่หน้าเคาน์เตอร์อยู่นานสองนาน เล่นเอาปวดเอวเลยทีเดียว ตอนแรกกะว่าจะหาแรงบันดาลใจเพื่อเขียนงานซะหน่อย ที่ไหนได้ หาไม่เจอเลยซักกะนิด

"วันศุกร์ ที่ 24 มี.ค."
ลูกค้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนจ่ายเงินสองครั้งติด ดูจากการแต่งตัวแล้ว คงจะเป็นดอกฟ้ากับยาจกแหงๆ เลย ถึงแม้แก่นแท้ของความรักจะไม่ใช่ความรวยหรือความจน แต่เรื่องความแตกต่างของฐานะทางบ้านนี้ ถ้าเอามาใช้เป็นข้อมูลเขียนนิยายคงเหมาะเจาะสุดๆ เรื่องราวของหญิงสาวที่รวยแต่ไร้เดียงสากับชายหนุ่มที่ยากจนแถมมีเจตนาบางอย่างแอบแฝง และความรักก็ได้ก่อตัวขึ้นท่ามกลางคำโกหกเหล่านั้น

"เธอจมดิ่งอยู่ในความเพ้อฝัน โดยไม่ได้ใส่ใจสิ่งจอมปลอมที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความฝันที่สวยงามนั้น นี่อาจเป็นครั้งแรกในช่วงวัยหนุ่มสาวของเธอที่มีใครสักคนอดทนพูดคุยกับเธอแบบนี้ เธอมีความเพ้อฝันและโหยหาความรัก เนื่องมาจากสายสัมพันธ์ในครอบครัวที่ผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ถึงแม้จะเคยเจอในร้านกาแฟแค่สองครั้ง แต่เธอได้จมดิ่งอยู่ในความสุขที่ซีดเซียวนี้จนหมดสิ้น โดยเธอไม่ได้ระแวงเลยแม้แต่น้อยว่านี่จะเป็นกลอุบาย เพราะตลอดชีวิตของเธอจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครที่สนใจจะมาหลอกเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับการหลอกลวงที่ทำให้เสียเวลาแบบนี้"

"วันอาทิตย์ ที่ 26 มี.ค."
คู่รักคู่นั้นมาที่ร้านกาแฟเป็นครั้งที่สาม ผู้ชายที่ชื่อ "Bill" นำเอกสารลงทุนหุ้นมาให้หญิงสาว หญิงสาวผู้น่าสงสารที่ไม่เคยพบเห็นจิตใจที่โหดร้ายของมนุษย์มาก่อนและไม่รู้จักการปฏิเสธ ถูกชายหนุ่มที่มีเจตนาร้ายปั่นหัวเล่นเหมือนลูกไก่ในกำมือ

"เอกสารการลงทุนนี้ล้อเล่นกับความอับอายของเธออยู่ตลอดเวลา และคอยเตือนเธอว่าความรักที่เธอตั้งตารอนั้นไม่ควรเกินขอบเขต เมื่อเจอกับการเข้าหาที่ไม่มีที่มาที่ไป เธอก็ตอบสนองชนิดที่ว่าหยั่งรากลึกไปเสียแล้ว นอกจากหน้าแดงและพยักหน้า เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้เลย แม้ว่าเธอจะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี แต่เธอก็ไม่เคยคาดหวังถึงความเห็นอกเห็นใจของสังคมแต่อย่างใด"

เขียนโครงเรื่องนิยายเสร็จเรียบร้อยแล้ว คิดว่าอีกหนึ่งหรือสองเดือนฉันคงจะเขียนต้นฉบับเสร็จ

"วันจันทร์ ที่ 3 เม.ย."
คนจากกองกำลัง Silvermane มารายงานว่า Fragmentum กำลังจะกัดกร่อนมาถึงถนนชายขอบในอีกไม่ช้า พวกเขาให้ฉันรีบบอกเจ้าของร้านให้เตรียมตัวย้าย จริงๆ ก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะฉันเพิ่งจะเริ่มชอบชีวิตในร้านกาแฟไม่นานนี้เอง ฉันชอบความรู้สึกเวลาที่จดจ่ออยู่กับการบดเมล็ดกาแฟ และการชงอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสขมนี้ มันน่าขำดีนะ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เช่นเดียวกับชีวิตของคนส่วนใหญ่ยังไงยังงั้น

"วันอังคาร ที่ 4 เม.ย."
คู่รักคู่นั้นไม่ได้มาที่นี่เกือบอาทิตย์นึงแล้ว อาจเป็นเพราะที่รอรถฝั่งตรงข้ามนั้นแน่นขนัด "ความรักคือโศกนาฏกรรม" นี่คือสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้กันดี ดังนั้นจึงขอจบหนังสือเล่มใหม่ด้วยโศกนาฏกรรมนี้แล้วกัน

"วันพุธ ที่ 5 เม.ย."
วันนี้คู่รักคู่นั้นมาด้วย แต่ไม่ได้สั่งกาแฟ สั่งแค่น้ำร้อนหนึ่งแก้ว ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้หนักมาก และบอกว่าพ่อของเธอรู้เรื่องของพวกเขาแล้ว ทั้งยังตัดท่อน้ำเลี้ยงของเธอทั้งหมด ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่เงินสำหรับค่าอาหาร Bill ให้เงินจำนวนหนึ่งกับเธอ เพื่อให้เธอพักที่โรงแรมสักสองสามวัน จากนั้นค่อยไปขอโทษพ่อ คนที่ชื่อ Bill นี้ ดูเป็นพวกมือเก๋า ไม่ใช่พวกมือใหม่ที่คิดอยากจะตกปลาก็ต้องใช้เหยื่อล่อ

"วันศุกร์ ที่ 7 เม.ย."
ร้านค้ารอบๆ แทบจะย้ายกันไปหมดแล้ว หลังจากเก็บข้าวของในร้านกาแฟเสร็จ ก็ต้องไปทำเรื่องยกเลิกการเช่าที่สำนักงานอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะเจอ Bill ที่นั่น ผู้ชายคนนั้นร้องไห้กับคนที่สำนักงาน บอกว่าเขาถูกคุณหนูใหญ่ของเจ้าของที่นี่หลอกลวง แต่คนที่สำนักงานบอกว่าผู้หญิงที่ชื่อ "Lavonne" เป็นแค่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่ลูกสาวของเจ้านายอะไรทั้งนั้น ห๊ะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? ชีวิตคนเราเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง น่าสนใจจริงๆ แถมยังน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านิยายเสียอีก

"วันอาทิตย์ ที่ 9 เม.ย."
ยังมีขนมอีก 1 กล่อง และเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งอีก 4 กล่องที่ยังไม่ได้ย้าย เหนื่อยจนลมแทบจับ ลุงแกขี้เหนียวชะมัด ทำไมไม่จ้างคนมาช่วยย้ายนะ ดื้อจะย้ายเองให้ได้เลย เฮ้อ ต้นฉบับของฉันยังไม่เสร็จเลย แต่หวังว่าจะไม่ลืมของอะไรนะ