Archivum Honkai: Star Rail

"สถาบันแห่งปัญญา"

บทที่ 3: สถาบันแห่งปัญญา

จักรวาลกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ปัญญาครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง อัจฉริยะมีวิถีชีวิตในแบบของอัจฉริยะ สามัญชนก็มีสิ่งที่พึงพอใจในแบบของตน นอกจากความอัจฉริยะที่เหลือล้น และการได้พบปะกับ Nous ที่สมาคมอัจฉริยะได้รับแล้วนั้น ในกาแล็กซีก็ยังมีองค์กรที่ใช้ "ปัญญา" เป็นพลังขับเคลื่อนในการศึกษาค้นคว้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเหมือนกัน ซึ่งพวกเขาเรียกตัวเองว่า "สถาบันแห่งปัญญา"

นอกจากความชอบส่วนตัวแล้ว ความเพียรพยายามของสถาบันแห่งปัญญานั้น ก็เป็นที่น่านับถือมาก ในสมาคมอัจฉริยะของ Nous เองก็มีทั้งคนประหลาด คนเสียสติ หมาป่าเดียวดาย อัจฉริยะผู้สันโดษ และคนที่กลัวการเข้าสังคม แม้ว่าพวกเขาจะไม่หยุดสร้างสรรค์การค้นพบอันน่ามหัศจรรย์ แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ให้โลกภายนอกรับรู้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรวบรวมและเผยแพร่เลย (ยกเว้นหนังสือเล่มนี้) แต่ปรัชญาของสถาบันแห่งปัญญาคือ การแลกเปลี่ยนและแบ่งปัน ความรู้ก็คือสกุลเงินที่แข็งค่า และเงินตราจะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ก็ต่อเมื่อมีการเคลื่อนไหวเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ความรู้แลกมาซึ่งปัญญา และใช้สมการแลกมาซึ่งหนทาง องค์กรสันติภาพแห่งดวงดาวได้ให้การยอมรับอย่างใจกว้าง และสนับสนุนพวกเขาโดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของ "องค์กร" บวกกับเทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายข้ามโลก นักวิชาการของสถาบันจึงได้เดินทางไปยังโลกต่างๆ เพื่อรวบรวมความรู้อันมีค่าทั้งหลาย และนำมาใช้เป็นสินค้าในการค้าขาย

หากเทียบกับนักวิจัยทั่วไปแล้ว สถาบันแห่งปัญญาเป็นเหมือนกับกลุ่มธุรกิจเสียมากกว่า ภายในสถาบันยังมี "แผนก" เป็นหน่วยพื้นฐาน และแต่ละแผนกก็ยังต้องรับผิดชอบรายรับรายจ่ายของตนอีกด้วย นักวิชาการจะวิจัยและแลกเปลี่ยนความรู้ที่ได้รับตามความเชี่ยวชาญของตน และพยายามใช้วิธีเช่นนี้เพื่อทำการค้นหาสมบัติล้ำค่าที่แท้จริง ซึ่งต่อจากนี้ ฉันจะนำเสนอแผนกที่มีชื่อเสียงเพียงบางส่วนให้กับผู้อ่านได้พิจารณา:

-แผนกการสื่อสาร-

ถ้าพูดถึงแผนกที่ทุ่มเทให้กับจักรวาลมากที่สุด ก็ไม่มีแผนกไหนอีกแล้วนอกจากแผนกการสื่อสาร เป็นเวลานานมากแล้วที่การแลกเปลี่ยนและการสื่อสาร เป็นปัญหารบกวนที่สำคัญอย่างยิ่งขององค์กรสันติภาพแห่งดวงดาว เพราะพื้นฐานของการค้าขายคือการทำสัญญา และข้อสรุปของสัญญาก็ต้องมีการทำข้อตกลง หากแต่ภาษาของสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดนั้นช่างแสนยุ่งเหยิง นักวิจัยของแผนกการสื่อสาร จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสะพานเชื่อมความคิดระหว่างสายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งนั่นก็คือ "Synesthesia Beacon" ที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้

ต้องขอบคุณ Synesthesia Beacon ที่ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวทางกายภาพ สัญญาณไฟ การสั่นของเสียง หรือการเปลี่ยนแปลงในโมเลกุลของกลิ่น... ไม่ว่าสัญญาณใดก็ตามที่มีความหมาย ก็จะถูกแปลงเป็นชีพจรความคิด และแปลเป็นภาษาที่เข้าใจกันได้ ดังนั้นอุปสรรคแรกในการสื่อสารนี้จึงได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว "องค์กรสันติภาพแห่งดวงดาว" ได้สร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่บนพื้นฐานของ Synesthesia Beacon ซึ่งมีพจนานุกรมภาษาและคำศัพท์เกือบ 100 ล้านตัวถูกบันทึกไว้ ทำให้ตัวอักษรไม่มีความลึกลับอีกต่อไป

ว่ากันว่าองค์กรยังคงจ่ายค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรในแต่ละไตรมาส ให้กับแผนกการสื่อสารเป็นจำนวนมากมาจนถึงทุกวันนี้ แผนกนี้อู้ฟู่ยิ่งกว่าใครเสียอีก ผู้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้แจ้งกับผู้เขียนว่า หัวข้อการวิจัยต่อไปของแผนกการสื่อสารก็คือ เทคโนโลยีสื่อสารรีโมตเซนเซอร์ระยะไกล เมื่อร้อยกว่ายุคอำพันก่อนหน้านี้ Elias Salas สมาชิกลำดับที่ 56 แห่งสมาคมอัจฉริยะ ก็ได้นำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับสมาคมด้วย แต่แน่นอนว่า เหล่าผู้อัจฉริยะทั้งหลายนั้น ก็ยังคงผลักดันให้มนุษย์ฝึกฝนและพัฒนาปัญญาด้วยตนเองต่อไป

-แผนกนิเวศวิทยาแห่งดาราจักร-

แผนกนี้มองว่าจักรวาล คือเป้าหมายในการสังเกตการณ์ทางนิเวศวิทยาที่มีขนาดใหญ่ พวกเขาหลงใหลในการศึกษา Void Song Whale และ Radiant Jellyfish รวมไปถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในจักรวาล แผนกนี้ได้รับการยอมรับจากการค้นพบ "Celestial Comet Wall" ซึ่งได้รับการยืนยันในปัจจุบันว่าเป็นสิ่งก่อสร้างโบราณของ Qliphoth เทพดาราแห่งการ "อนุรักษ์" การค้นพบนี้จึงทำให้องค์กรรู้สึกตื่นเต้นและได้มอบเงินก้อนโตให้ นี่เป็นการยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า "บทความที่เขียนอย่างดี ก็ไม่สู้การเลือกหัวข้อที่ดี" นี่คือความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

-แผนกสื่อสิ่งพิมพ์-

แผนกสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นแผนกการพิมพ์ของสถาบัน ซึ่งมีผู้เขียนบทความ นักคัดลอก นักพิมพ์ โปรแกรมเมอร์ และคนจัดทำหนังสืออีกนับไม่ถ้วน แผนกนี้เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง และละทิ้งซึ่งการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เห็นแก่ตัว เพื่อทุ่มเทให้กับการเป็นแผนกยิ่งใหญ่ที่ให้ความรู้แก่ผู้คนมากมาย การสะสมทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันแห่งปัญญาได้ถูกจัดเรียงเป็นเล่มๆ ไว้ที่นี่ พวกเขาตีพิมพ์และทำการตลาดไปยังโลกต่างๆ โดยหนังสือที่โด่งดังที่สุดคือหนังสือชุด "คู่มือการเดินทาง"

-แผนกโบราณคดี-

แผนกที่มุ่งมั่นสำรวจอวกาศและอารยธรรมโบราณ โดยมักจะเลือกไปยังดาวเคราะห์ที่รกร้าง เพื่อสำรวจซากปรักหักพังที่อันตรายที่สุด ลองนึกภาพตามนะ นักวิชาการที่ติดอาวุธตั้งแต่หัวจรดเท้า กระโดดลงจากเรือสำรวจพร้อมทหารรับจ้างนับสิบนาย กำลังเดินลัดเลาะไปตามรอยแยกของสิ่งก่อสร้างโบราณ และเข้าสู่ทางเดินที่ถูกลืมเลือนมาหลายยุคอำพัน และระหว่างทางก็ทิ้งพวกทึ่มสองสามคนที่บังเอิญติดกับดักไว้เป็นเครื่องสังเวย ในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย และเมื่อขุดวัตถุโบราณกับเอกสารล้ำค่าออกมาได้แล้ว พวกเขาก็วางระเบิดอย่างไร้ความปรานีเพื่อเป็นการเปิดทางออก และขึ้นยานอวกาศจากไปด้วยความพึงพอใจ... มีคนบอกว่าพวกเขาเหมือนทหารรับจ้างมากกว่านักวิชาการเสียอีก เรื่องนี้ก็อยู่ที่คนจะมองล่ะนะ

-แผนกประวัติศาสตร์ควอนตัม-

แผนกใหม่ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นอีกครั้งหลังจากที่แผนกประวัติศาสตร์จิตวิทยาล้มละลาย จุดประสงค์เดิมของพวกเขา คือการค้นหาปัจจัยรบกวนที่ซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย เพื่อทำนายถึงอนาคต แต่ในตอนนี้ พวกเขากลับกลายเป็นเพียงกลุ่มนักต้มตุ๋นที่ใช้ "ชุดการคำนวณ" อันซับซ้อนมาทำนายดวงชะตา ซึ่งฉันจะเขียนถึงแผนกนี้แต่เพียงเท่านี้นะ เพราะบทความที่น่าสนใจ ก็มักจะหยิบเอาเรื่องตลกมาไว้ในตอนจบเสมอ